#Yourdatabutler #พ่อบ้านดาต้า #synology #NAS
สวัสดีครับทุกคน...มีหลาย ๆ คนสอบถามผมมาเยอะมากเกี่ยวกับการเก็บรักษาไฟล์ภาพและวิดีโอ สำหรับ photographer และ videographer หลาย ๆ คนยังคงต้องพก External Harddisk ไปทำงานหรือท่องเที่ยวด้วยเวลาออกทริป ซึ่งบางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุ เกิดความเสียหายกับไฟล์ข้อมูลของเราทั้งหมดได้ระหว่างการเดินทาง...วันนี้ผมจะมาพูดถึงทางเลือกใหม่ที่ค่อนข้างตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับทุก ๆ คนนะครับ และอุปกรณ์นี้ก็คือ NAS จาก Synology นั่นเอง!
หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า NAS คืออะไรนะครับ ผมขอสรุปง่าย ๆ เลยก็คือเป็น “เครื่องมือที่ใช้เก็บไฟล์และเรียกใช้ไฟล์ จากที่ไหนก็ได้ในโลกที่มีอินเทอร์เน็ตเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นรูป วีดีโอ ไฟล์ข้อมูลทุกชนิด ทั้งจากคอมพิวเตอร์ และมือถือนั่นเอง”
นอกเหนือจากคุณสมบัติแรกที่ผมได้พูดไปแล้ว ยังมีลูกเล่นอื่น ๆ อีกหลายอันให้เล่นได้เยอะเลยแหละ ผมขอสรุปคร่าว ๆ ประมาณนี้นะ
1. Set up ให้เป็น private cloud server (คลาวด์ส่วนตัว) สำหรับทีมงานหรือบริษัททุกขนาด เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับการทำงานในปัจจุบัน การแชร์และเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น นอกจากนี้ยังปลอดภัยมาก ๆ อีกด้วย
คือการที่คุณมีเจ้าตัว NAS นี้ไว้คุณสามารถแชร์ให้กับคนที่บ้าน รวมถึงพนักงานในทีมใช้ได้ด้วยนะ ใช้งานกันได้หลายคนถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ
และถ้าเราเป็นแอดมินของอุปกรณ์นี้ เราก็จะสามารถตั้งค่าสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลหรือโฟลเดอร์ให้แต่ละผู้ใช้งานอย่างละเอียดได้ด้วย เช่น ให้มีสิทธิ์อ่านอย่างเดียวห้ามแก้ไข หรือปริมาณความจุไฟล์ที่ใช้งานได้ เป็นต้น
2. ข้อมูลที่เราเก็บไว้นั้นจะไม่เสียหายง่าย ๆ เพราะเราไม่จำเป็นต้องยกไปที่ไหน และตัว NAS นี้มี ระบบสำรองข้อมูลตัวเองอีกต่างหาก ทั้งการใช้งาน RAID และแอปการสำรองข้อมูลเสริมฟรีที่มีให้ดาวน์โหลดตามความต้องการ
3. นอกจากแอปการสำรองข้อมูล ทาง Synology มี Application ต่าง ๆ ออกมาเพื่อรองรับการใช้งานในหลาย ๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเก็บคลังรูปภาพ, วีดีโอ , stream music, sync Google Drive และ Dropbox หรือแม้กระทั่งดาวน์โหลดวิดีโอด้วยลิงก์เข้าตัวอุปกรณ์นี้ เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่าทำยังไงได้บ้าง
4. นอกจาก Application ในคอมพิวเตอร์แล้ว ยังมีหลาย ๆ โปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นให้ใช้บนมือถือและ sync กันได้อย่างดีมาก ๆ อีกด้วย ทั้งบน Andriod และ IOS เลยนะ
5. ใช้ร่วมกับ Macbook เพื่อเป็นไดร์ฟแบบ Time Machine ได้โดยข้อมูลจะถูกส่งมาที่ NAS ตลอดเมื่อมีปัญหาจะสามารถกู้คืนได้นั่นเอง
6. ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดได้ (แถมฟรี 2 License กับตัวเครื่อง)
อันนี้เป็นรุ่นที่เราได้ลองใช้นะครับ ก็คือ DiskStation DS420+ นั่นเอง
Synology DS420+ เป็น NAS ที่สามารถใส่ HDD ได้ 4 ช่อง ใช้โปรเซสเซอร์ของ Intel Celeron 2 คอร์ และรองรับการทำแคชด้วย SSD เสริม เพื่อให้ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลและการจัดการวอลุ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
ผมได้เลือกใช้ HDD สำหรับ NAS โดยเลือกความจุ 8TB จำนวน 2 ตัว ซึ่งในอนาคตหากพื้นที่ไม่เพียงพอก็สามารถซื้อมาใส่เพิ่มได้อีก 2 ตัว โดยผมได้เปิดการใช้งาน RAID ด้วยเพื่อที่จะสำรองข้อมูลป้องกัน HDD เสียหายนั่นเอง เพราะรูปภาพทุกรูปที่เราถ่ายมานั้นกว่าจะได้แต่ละภาพก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ การป้องกันไฟล์ให้ไม่หายไปนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ
ส่วนหน้านี้จะเป็นหน้าต่าง browser เวลาเราเข้าใช้งานและตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านคอมพิวเตอร์นะครับ สามารถ customize ได้ตามที่ต้องการ และใช้งานค่อนข้างง่ายเลย! เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น!!
มาพูดถึงโปรแกรมต่าง ๆ ที่เราสามารถใช้ Sync ทั้งบนคอมและมือถือกันบ้าง อันนี้จะเป็นตัวที่เราใช้เป็นประจำ
File Station & DS File :
สำหรับเครื่องมือที่ผมใช้เลยเป็นประจำของ Synology NAS ก็คือ File Station นั่นเองครับ หลัก ๆ คือเอาไว้จัดการเก็บข้อมูล โอนถ่ายไฟล์รูปและงานต่าง ๆ ซึ่งประโยชน์ของตัวนี้คือ เราสามารถสั่งแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ออกมาเป็นลิงก์ URL ให้คนอื่นดาวน์โหลดจากข้างนอกได้ด้วย หรือจะสร้างลิงก์เพื่อส่งขอให้อีกฝั่งอัปโหลดไฟล์ลงในโฟลเดอร์บน NAS ของเราโดยตรงเลยก็ได้ นอกจากนี้ ตัวโปรแกรมนี้ก็ลิงก์กับมือถือเช่นกัน เพียงแค่เราดาวน์โหลดแอป DS File บนมือถือแค่นั่นเอง (พูดง่าย ๆ คือเจ้าแอปนี้ทำงานเหมือน gg drive ครับ แต่เราไม่ต้องเสียค่าพื้นที่รายเดือนอีกต่อไป~)
2. Moments :
แอป Moments นั้นสามารถใช้ได้ทั้งในคอมและมือถือเลย! ง่าย ๆ ตัวนี้ทำงานเหมือน Google photos หรือแม้แต่ icloud photos บนมือถือ เราสามารถแบคอัพรูปลง Synology NAS ของเราโดยตรงผ่านแอปนี้โดยไม่ต้องเปลืองพื้นที่บนอุปกรณ์มือถือ แถมเจ้าแอปนี้ยังฉลาดมาก ๆ อีกด้วย เพราะข้างในโปรแกรมนี้มันจะแบ่งหมวดรูปตามสถานที่ วัน เวลา หรือแม้แต่จับหน้าคน เพื่อแยกเป็นหมวด ๆ ให้กับเราได้อัตโนมัติ หรือการปรับแต่งรูปอย่างง่าย ๆ เช่น Auto Color และการ Rotate รูป รวมถึงสามารถใช้การแบ่งหมวดหมู่นี้เวลาเลือกรูปเวลาจะแชร์ลิงก์ให้คนอื่นได้ด้วย ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินซื้อพื้นที่เพิ่มอีกต่อไป แถมยังปลอดภัยมาก ๆ ครับ เพราะสามารถตั้งค่าสิทธิ์การเข้าดูและดาวน์โหลดได้ ตั้งค่าหน้าตาของแอปจะเป็นประมาณในรูปนี้เลย
3. QuickConnect ID
นอกจากนี้ทาง Synology ยังมีระบบ QuickConnect ID ซึ่งช่วยให้เราสามารถ log-in ได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ เหมือน Username-Password ของแต่ละผู้ใช้งานที่ตั้งค่าไว้ ไม่จำเป็นต้องไปตั้งค่า Port-Forwarding อีก | สำหรับคนที่ใช้กันหลายคนในองค์กรยังสามารถเลือกกำหนดการให้เข้าถึงข้อมูลได้ตามที่แอดมินเจ้าของต้องการอีกด้วย และเลือก log-in ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น รหัส OTP 6 หลักที่จะเปลี่ยนทุก 30 วิผ่าน Synology Secure Signin บนมือถือ
4. Cloud Sync :
สำหรับหลาย ๆ คนที่ใช้ทั้ง Dropbox, Google drive ก็ไม่ต้องกังวลไป เราสามารถเปิดใช้ Cloud Sync เพื่อที่จะทำ auto sync กับ public cloud ที่เราใช้อยู่ได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงอัปโหลดข้อมูลเข้าไป เราจะสามารถซิงค์ข้อมูลได้ทันทีจาก NAS เลย สะดวกมาก ๆ!
อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลาย ๆ โปรแกรมเลยครับ ที่เราสามารถนำมาใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการทำงานสำหรับช่างภาพอย่างเรา ๆ ทั้ง VIDEO, AUDIO, OFFICE Programs, etc.
TIPS : สำหรับบางคนที่ไม่มีพื้นที่ในคอมพิวเตอร์มากเท่าไหร่ เราสามารถ sync ตัว NAS ลง Catalog และใช้ทำงานแทนพื้นที่ในคอมเราได้ด้วยนะ! ไว้จะรีบมารีวิวให้ดูว่าเป็นยังไงครับ แค่ฟังก็ตื่นเต้นแล้ว คอมจะได้ไม่อืดในการเก็บพื้นที่จัดการรูปเป็นหมื่น ๆ รูปของเราอีกต่อไป!
อะ โม้กันมาตั้งนานขอสรุปก่อนนะครับว่าอันนี้หลัก ๆ แล้วเป็น Review Basic สำหรับตัว Synology NAS นะ ความสามารถของตัวนี้ ถ้าเจาะลึกจริง ๆ คือทำอะไรได้เยอะมาก ๆ ครับ แต่อย่างตัวผมเองเป็นผู้ใช้ขั้นพื้นฐานไม่ได้มีความรู้เยอะอะไรมากมายด้าน IT-computer แต่ก็ติดตั้งใช้ได้แบบไม่ยากเลย Synology NAS เหมาะจึงเหมาะกับตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการเก็บข้อมูลแบบง่าย ๆ และเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการนำ External Harddisk ไปทุก ๆ ที่ ถ้าใครกำลังมองหาพื้นที่จัดเก็บข้อมูลดี ๆ ที่ลงทุนครั้งเดียวจบ ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ใช้งานได้หลายคนล่ะก็ ขอแนะนำเลยค้าบ :D
#yourdatabutler #พ่อบ้านดาต้า #synology #nas
สั่งซื้อสินค้าได้ทาง: https://sy.to/bankpyt
